สาเหตุของแผลเป็นที่พบบ่อยคือ หลังผ่าตัดต่างๆหลังการปลูกฝี ฉีดวัคซีนหลังการเกิดสิวอักเสบ เช่น อก ไหล่ หลัง หลังการเจาะรูหูหลังจากการเกิดอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม มีดบาดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกแผลจากรอยสัก ปัจจุบันมีการพัฒนาด้านโทคโนโลยีด้านศัลยกรรม ความสวยความงาม อย่างมาก จึงมีวิธีที่จะสามารถรักษาแผลเป็นให้หายหรือจางลงได้ วันนี้ acne มีความรู้เกี่ยวกับ วิธีรักษาแผลเป็น มาฝากสำหรับผู้ที่ ต้องการรักษาแผลเป็นต่างๆ ลองมาดูกันเลยว่า "วิธีการรักษาแผลเป็นนั้นมีอะไรบ้าง และวิธีไหน ที่เหมาะกับเรามากที่สุดค่ะ"
วิธีรักษาแผลเป็น
- การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าที่แผลเป็น เพื่อให้แผลเป็นยุบลง โดยจะต้องฉีดหลายครั้ง ครั้งละประมาณ 0.5 1 cc ห่างกันประมาณเดือนละ 1 ครั้ง จนกว่าแผลจะแบนราบ ซึ่งใช้เวลาไม่เท่ากันในแต่ละแผลเป็น ถ้าแผลเป็นมีขนาดใหญ่ก็ต้องใช้เวลา เพื่อกำจัดริ้วรอยแผลเป็น ดังนั้นต้องอดทน
- การผ่าตัด และการฉายแสง ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับแผลที่มีความกว้างไม่มากนักพอเย็บได้
- การขัดหน้า เทคนิคนี้ใช้ได้ผลดีกับแผลเป็นจากสิว แผลเป็นจากอีสุกอีใส แผลเป็นจากรอยผ่าตัด กระชนิดลึก และรอยเหี่ยวย่น แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงจากการ ขัดหน้าคือ บริเวณที่ทำอาจดำและแดงได้เล็กน้อย ส่วนใหญ่จะหายไปภายใน 3 เดือน ผู้ได้รับการรักษาต้องพยายามเลี่ยงแสงแดดเป็นเวลา 3-6 เดือน
- การฉีดคอลลาเจน เหมาะสำหรับแผลเป็นที่มานานและรักษาโดยวิธีอื่นแล้วไม่ค่อยได้ผลข้างเคียง คือผู้ป่วยอาจแพ้ได้ และผู้ป่วยต้องมาฉีดทุก 6-12 เดือน เนื่องจากคอลลาเจนที่ฉีดเข้าไปจะสลายได้
- การปิดด้วยแผ่นซิลิโคนเจลแผ่น (Silicone gel sheet) สำหรับปิดที่แผลเป็นแบบปูดนูนมีข้อดี คือ ไม่ต้องการการดูแลอะไรมากมายและไม่เจ็บอะไร แต่ผลยังไม่แน่นอนนัก แต่ข้อเสีย คือ ราคาแพง และในบางตำแหน่งก็ใช้ค่อนข้างยาก เช่น ที่ใบหน้า เป็นต้น
- เจลลดรอยแผลเป็น ซึ่งมีส่วนประกอบสำคัญจากสมุนไพรธรรมชาติ มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการสร้างคอลลาเจนที่มากผิดปกติจนทำให้เกิดรอยแผลเป็น นูน รวมทั้งยังลดการอักเสบการบวมแดงของเนื้อเยื่อแผลเป็นช่วยให้แผลเป็นนุ่มแล้ว เรียบขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น